ด้วยเป้าหมายเดียวที่ตั้งไว้ แน่นอนว่าจากนี้ไปในทุกๆ เกมของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นั้นจึงไม่ต่างไปจากการลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศทุกนัด เพราะเส้นทางสู่การเป็นแชมป์ของทัพ “ปราสาทสายฟ้า” นั้นจำเป็นต้องพลิกกลับมาแซงจ่าฝูงอย่าง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ให้ได้
เมื่อเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่ลงไปกับแข้งต่างชาติในเลกแรกไม่ตรงเป้า นายใหญ่อย่าง เนวิน ชิดชอบ จึงตัดสินใจเดิมพันครั้งสำคัญด้วยการดึง ลูคัส คริสปิม กองกลางเชิงรุกความสามารถสูง จากสโมสรฟอร์ตาเลซ่า ทีมจากบราซิล เซเรีย อา ลีกสูงสุดของประเทศบราซิล มาร่วมทัพ
ลูคัส คริสปิม เริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพด้วยการเซ็นสัญญากับยอดทีมของบราซิลอย่าง สโมสรซานโตส เอฟซี ตั้งแต่เป็นเยาวชนในปี 2007 ก่อนจะได้รับสัญญาอาชีพในฤดูกาล 2013/14 แต่ทว่าก็ถูกส่งไปให้สโมสรวาสโก ดา กามา ใช้งาน ลงสนามให้ทีมไป 12 นัด ยิงได้ 2 ประตู ก่อนจะถูกปล่อยให้ สโมสรจอยวิลล์ เอสเซ ยืมไปใช้งาน ลงสนามไป 21 นัด ในฤดูกาล 2014/15
จากนั้น กองกลางเจ้าของความสูง 178 เซนติเมตร ย้ายไปค้าแข้งกับอีกหลายทีมในลีกบ้านเกิด อย่าง แอตเลติโก้ กัวเนนเซ, เซา เบนโต้ และกัวรานี เอฟซี ซึ่งที่นี่เองจอมทัพชาวแซมบ้า ได้โอกาสมากขึ้น ลงสนามให้ทีมไป 58 นัด ทำไป 6 ประตู กับ 5 แอสซิสต์ ก่อนที่ฤดูกาล 2020/21 คริสปิม จะย้ายมาร่วมทัพกับ สโมสรฟอร์ตาเลซ่า แบบถาวร มีโอกาสลงสนามช่วยทีมไป 128 นัด ทุกรายการทั้งในประเทศ และรายการระดับทวีป ยิงไปได้ 9 ประตู กับ ทำ 17 แอสซิสต์ ตลอด 3 ฤดูกาล
เท่านั้นยังไม่พอ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังบรรลุข้อตกลงคว้าตัว กิลเยร์เม บิสโซลี คัมโปส กองหน้า วัย 26 ปี จากสโมสรซิเอร่า สปอร์ติง คลับ ทีมจากบราซิลเซเรีย บี มาร่วมทัพ รวมถึง เคนเน็ต วิลเลียม ดูกอล กองกลาง ดีกรีทีมชาติออสเตรเลีย ที่หมดสัญญากับ สโมสรแบล็กพูล เอฟซี ทีมจากลีกวัน ประเทศอังกฤษ และอีกสองอาวุธหนังอย่าง เจฟเฟอร์สัน ทาบินาส เซ็นเตอร์แบ็ก จากสโมสรมิโตะ ฮอลลี่ฮ็อค ทีมในเจลีก 2 ประเทศญี่ปุ่น กับวันเดอร์คิดไทยอย่าง สยาม แยปป์ ปีกดาวรุ่งที่เล่นได้ทั้งริมเส้นฝั่งซ้าย และฝั่งขวาจากสโมสรโปลิศ เทโร เอฟซี
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ย่อมเป็นการส่งสัญญาณไปยังทีมอื่นๆ ในลีก โดยเฉพาะกลุ่มหัวตารางว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นั้นเอาจริง เพื่อสานต่อการเป็นมหาอำนาจลูกหนังอันดับหนึ่งของประเทศนี้ต่อไป ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างจะเดินได้ตามแผนการที่พวกเขาวางไว้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเกมนัดแรกที่จะบุกไปเยือนทีมฟอร์มแรงที่สุดอีกทีมอย่าง ลำพูน วอริเออร์
เกมนัดนี้มีความสำคัญต่อทั้งสองทีมเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากวัดกันปอนด์ต่อปอนด์ ทั้งสองทีมต่างกำลังทำผลงานก่อนพักเบรคทีมชาติได้อย่างยอดเยี่ยม โดยหากวัดผลงาน 5 เกมหลังสุดในลีก ทัพ “ปราสาทสายฟ้า” คือทีมที่เก็บแต้มได้มากที่สุดที่ 12 คะแนน ตามมาด้วย “ราชันโคขาว” ที่กวาดไป 11 คะแนน แถมไม่แพ้ใครอีกด้วย ดังนั้นการออกสตาร์ทด้วยสามแต้มเหนือทีมที่กำลังมาแรงอย่าง ลำพูน วอริเออร์ น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยม หากพวกเขายังหวังที่จะไปถึงบัลลังก์แชมป์ในบั้นปลาย
จากนี้ไป ทุกนัดของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้อง “สามคะแนน” ให้ได้สถานเดียว !!!
📌 เข้าสู่ยุคใหม่ “มาดามแป้ง” ชนะเลือกตั้ง 68 เสียง-นั่งนายกบอลไทย คนที่ 18
📲Facebook: https://www.facebook.com/SabasportsThailand/
💻YouTube: https://www.youtube.com/@sabasportsthailand/videos
🕹Discord: https://dsc.gg/sabasports